19. หลักการให้เลือด
ถ้าเรียนวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นจะมีหลักว่าเลือดของผู้ให้ จะต้องไม่มี
Antigen ที่ผู้รับ มี Antibody นั้นดังนั้น คนหมู่เลือด O ซึ่งไม่มี
Antigen และAntibody สามารถให้เลือดได้ทุกหมู่เลือด แต่จะ
สามารถรับได้เฉพาะหมู่เลือด O เท่านั้น ส่วนคนที่มีหมู่เลือด AB ไม่ควร
ให้เลือดแก่หมู่อื่นทั้ง A, B และ O เพราะมี Antigen ทั้งA, B ถ้า
ให้แก่ผู้รับอาจจะเกิดการตกตะกอนของเลือดได้ แต่หมู่AB สามารถรับเลือด
ได้ทุกหมู่
แต่ในความเป็นจริง เวลาแพทย์จะให้เลือด จะต้องตรงหมู่กันเท่านั้น
(ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจําเป็นจริงๆ เท่านั้นจึงเลือกใช้เลือดอย่างที่บอกไว้
ข้างบน)
เนื่องจากถ้าถ้าเป็นเลือดต่างหมู่ อาจจะทําปฏิกิริยากัน ทําให้เกิดการ
แตกของเม็ดเลือดได้
20. เชน คนเลือด หมู AB รับเลือด หมู A มา แมวา ตัวเองไมมี
Antibody A ไปทําลายเม็ดเลือดที่รับมา แตในน้ําเลือดคนใหมา
จะมี Antibody B ซึ่งจะปฏิกิริยากับ Antigen ของตัวเองได
แมแตเลือดหมูเดียวกัน ก็ยังมีโอกาส เปนไดเชนกัน แตนอยกวา
ดังนั้นกอนใหเลือด จึงตองเอาเลือดทั้งสองฝาย มาตรวจสอบความ
เขากันไดกอน (Group matched) ดังนั้นคนที่เลือดหมู AB
ซึ่งนาจะดี ที่รับเลือดไดทุกหมู กลับหาเลือดยากเนื่องจาก เลือดหมูนี้
มีอยูไมถึง 5 % ของประชากรทั้งหมด
21. พอ แมหมูเลือดใด จะมีลูก ที่มีเลือดหมูใดไดบาง
ยีน ของคนนั้นจะมีสองอันประกบกันเปนคู อันนึงไดจากแม อีก
อันไดจากพอ และจะแยกตัว ออกเปนสองขาง ในเซลลสืบพันธุ เพื่อไป
จับคูกับอีกครึ่งหนึ่งของฝายตรงขาม
ลักษณะของยีน ในหมูเลือดตางๆ
(โดยยีนนั้นเปนตัวกําหนดใหรางกายสราง Antigen นั้นๆบนผิวเม็ด
เลือดแดง)
Group A = มียีน AO หรือ AA
Group B = มียีน BO หรือ BB
Group AB = มียีนAB
Group O = มียีน OO
23. พอ แมหมูเลือดใด จะมีลูก ที่มีเลือดหมูใดไดบาง
ยีน ของคนนั้นจะมีสองอันประกบกันเปนคู อันนึงไดจากแม อีก
อันไดจากพอ และจะแยกตัว ออกเปนสองขาง ในเซลลสืบพันธุ เพื่อไป
จับคูกับอีกครึ่งหนึ่งของฝายตรงขาม
ลักษณะของยีน ในหมูเลือดตางๆ
(โดยยีนนั้นเปนตัวกําหนดใหรางกายสราง Antigen นั้นๆบนผิวเม็ด
เลือดแดง)
Group A = มียีน AO หรือ AA
Group B = มียีน BO หรือ BB
Group AB = มียีนAB
Group O = มียีน OO