Mais conteúdo relacionado
Mais de Aon Narinchoti (20)
Data
- 1. ประเภทของมูลและการเก็บรวบรวมข้ อมูล
แบ่ งตามลักษณะของข้ อมูล
ถ้าแบ่งข้อมูลตามลักษณะของข้อมูลแล้ว จะแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ
1. ข้ อมูลเชิ งปริมาณ ( Quantitative Data ) เป็ นข้อมูลที่วดค่าได้วามีค่ามากรื อ
ั ่
น้อย จึงแสกดงเป็ นตัวเลข เช่น รายได้ อายุ ความสู ง ยอดขายสิ นค้า จานวนสิ นค้า จานวนผูท่ี ้
สิ ทธิ์ เลือกตั้ง ฯลฯ ซึ่ งแบ่งได้เป็ น 2 แบบ คือ
ก. ข้ อมูลแบบไม่ ต่อเนื่อง ( Discrete Data ) หมายถึง ข้อมูลที่มีค่าเป็ น
จานวนเต็มหรื อจานวนนับ เช่น จานวนคน จานวนสิ นค้า จานวนตึก เป็ นต้น ดังนั้นค่าของ
ข้อมูลแบบนี้ อาจเป็ น 0 , 1 , 2, . . .
ข. ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง ( Continuous Data ) หมายถึง ข้อมูลที่มีค่าได้ทุก
ค่าในช่วงที่กาหนดที่มีความหมาย เช่น รายได้ น้ าหนักสิ นค้า ส่ วนสู งของคน ความยาวของโต๊ะ
ฯลฯ
2. ข้ อมูลเชิ งคุณภาพ ( Qualitative Data ) หมายถึง ข้อมูลที่ไม่สามารถ
ระบุค่าได้วามากหรื อน้อย มักจะเป็ นข้อความ เช่น ลักษณะของสิ นค้า คุณภาพของสิ นค้า เพศ สี
่
ของขนม เช่น สี เขียว แดง ฟ้ า ฯลฯ
แบ่ งตามแหล่ งทีมาของข้ อมูล
่
ถ้าแบ่งข้อมูลตามแห่ลงที่มา จะแบ่งข้อมูลได้ 2 ชนิด คือ
1. ข้ อมูลปฐมภูมิ ( Primary Data ) เป็ นข้อมูลที่ผใช้ หรื อหน่วยงานที่ใช้
ู้
เป็ นผูทาการเก็บรวบรวมเอง ซึ่ งอาจจะได้โดยการสัมภาษณ์ ทดลอง หรื อสังเกตการณ์ ข้อมูลปฐม
้
ภูมิจะเป็ นข้อมูลที่มีรายละเอียดตรงตามที่ผใช้ตองการ แต่จะเสี ยเวลาและค่าใช้จ่ายมาก และเป็ น
ู้ ้
ข้อมูลที่ยงไม่ได้ทาการวิเคราะห์
ั
2. ข้ อมูลทุติยภูมิ ( Secondary Data ) เป็ นข้อมูลที่ผใช้ไม่ได้ทาการเก็บเอง
ู้
แต่มีผอื่นหรื อหน่วยงานอื่น ๆ ทาการเก็บข้อมูล ผูใช้เป็ นเพียงผูนาข้อมูลมาใช้เท่านั้น จึงเป็ นการ
ู้ ้ ้
ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ดังนั้น ข้อมูลทุติยภูมิจึงเป็ นข้อมูลที่ได้วเิ คราะห์ข้ นต้นมาแล้ว การนา
ั
ข้อมูลทุติยภูมิมาใช้บางครั้งจะไม่ตรงกับความต้องการ หรื ออาจไม่มีรายละเอียดเพียงพอ
นอกจากนั้นผูใช้มกจะไม่ทราบถึงข้อผิดพลาดของข้อมูล ซึ่ งมีผลทาให้การสรุ ปอาจจะผิดพลาดได้
้ ั
ผูที่นาข้อมูลทุติยภูมิมาใช้ ควรจะต้องใช้ดวยความระมัดระวัง
้ ้
โดยทัวไปการสิ เคราะห์ขอมูลเพื่อใช้ช่วยในการตัดสิ นใจนั้น มักจะใช้ท้ งข้อมูล
่ ้ ั
ปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ
- 2. ขั้นตอนการใช้ สถิติกบงานต่ าง ๆ
ั
การที่จะนาหลักเกณฑ์ทางสถิติไปใช้ในการวิเคราะห์ขอมูลเพื่อสรุ ปผลให้ฝ่าย
้
บริ หารใช้ในการตัดสิ นใจ จะต้องมีข้ นตอนดังนี้
ั
1. การเก็บรวบรวมข้อมูล
2. การวิเคราะห์ขอมูลและแปรผล
้
3. การนาเสนอข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้ อมูล (Data collection )
เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนามาวิเคราะห์ ข้อมูลอาจจะประกอบด้วยข้อมูล
ปฐมภูมิและทุติยภูมิ และเป็ นข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริ มาณ ในกรณี ที่ตองการใช้ขอมูลปฐม
้ ้
ภูมิ หน่วยงานที่ใช้ตองเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่ งมีวธีการเก็บรวบรวมข้อมูล แบ่งออกเป็ น 2 วิธี
้ ิ
ดังนี้
1. การเก็บรวบรวมข้ อมูลจากทะเบียนหรือการบันทึก
ในปั จจุบนนี้ องค์กรต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชน จะมีการจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ั
เช่น โรงพยาบาลจะมีการจดบันทึกข้อมูลผูป่วยที่เข้ามารับการรักษา โดยระบุเพศ อายุ ที่อยู่
้
ชนิดของโรค กลุ่มเลือด เป็ นต้น โรงงานที่ผลิตสิ นค้าจะมีการจดจานวนสิ นค้าที่มีการผลิตได้ใน
แต่ละวัน ห้างสรรพสิ นค้าจดบันทึกยอดขายของสิ นค้าในแต่ละแผนกทุกวัน หรื อกรมศุลกากร
จะจดบันทึกรายการสิ นค้าส่ งออกทุกวัน ฯลฯ ดังนั้น ผูใช้จะต้องคัดลอกแล้วนามาจัดให้เป็ น
้
หมวดหมู่ตามที่ตองการ วิธีน้ ีเป็ นทั้งวิธีที่ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ข้อมูลประเภทนี้จึง
้
นับเป็ นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก
2. การเก็บรวบรวมข้ อมูลโดยการสารวจ
เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยที่สนใจศึกษาโดยตรง เช่น สนใจความ
คิดเห็นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลชุดปั จจุบน หน่วยที่สนใจศึกษา คือ ประชาชนไทยทุกคน
ั
การสารวจในเรื่ องนี้ คือ การไปสอบถามความคิดเห็น สาหรับวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการ
สารวจทาได้หลายวิธี คือ สัมภาษณ์ โทรศัพท์ สังเกตการณ์ การวัดค่า เป็ นต้น ซึ่ งจะได้กล่าวถึง
รายละเอียดต่อไป
การเก็บข้อมูลโดยการสารวจจะต้องมีกรอบตัวอย่าง (Sampling Frame)
โดยที่กรอบตัวอย่าง คือ รายชื่อของทุก ๆ หน่วยในประชากรที่สนใจศึกษา ซึ่ งรายชื่อดังกล่าวนี้
จะได้จากทะเบียนของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ถ้าอยากทราบจากที่ทาการเขตต่าง ๆ ในกทม. หรื อ
สนใจศึกษาเกี่ยวกับธุ รกิจผลิตผลไม้กระป๋ อง ซึ่ งจะหารายชื่อบริ ษทที่ผลิตผลไม้กระป๋ องได้จาก
ั
- 3. กระทรวงพาณิ ชย์ เป็ นต้น ในกรณี ที่ไม่สามารถหารายชื่อได้ ผูทาการสารวจจะต้องเป็ นผูท่ีทา
้ ้
รายชื่อเหล่านี้ ซึ่ งจะเป็ นการเสี ยเวลาและค่าใช้จ่ายสู งมาก
่
กรอบตัวอย่างที่ดีจะต้องประกอบด้วยรายชื่อพร้อมทั้งที่อยูของหน่วยที่ตองการศึกษา
้
ครบถ้วน ไม่ซ้ าซ้อนและทันสมัย
การเก็บรวบรวมข้ อมูลโดยการสารวจ แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
ก. การสามะโน ( Census ) หมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ หน่วยใน
ประชากรที่สนใจศึกษา เช่น สนใจหารายได้เฉลี่ยของคนเชียงใหม่ ประชากรจะหมายถึงคน
่
เชียงใหม่ทุกคน โดยจะต้องมีกรอบตัวอย่างซึ่ งเป็ นรายชื่อพร้อมที่อยูของคนเชียงใหม่ จึงต้องไป
สอบถามคนเชียงใหม่ทุกคนเกี่ยวกับรายได้ ซึ่ งจะทาให้เสี ยเวลาและค่าใช้จ่ายมากและอาจจะได้
ข้อมูลที่ลาสมัย เนื่องจากจะสอบถามคนเชียงใหม่ครบทุกคน ปรากฏว่ารายได้ของกลุ่มแรกที่
้
สอบถามอาจจะเปลี่ยนไป ดังนั้น จึงมักไม่นิยมใช้วธีน้ ี ยกเว้นเรื่ องที่สนใจศึกษาจะมีประชากร
ิ
ขนาดเล็กการสามะโนมีขอดี ข้อเสี ย ดังนี้
้
ข้อดี ข้อเสี ย
1. ได้ขอมูลครบถ้วนจากทุกหน่วยในประชากร
้ 1. เสี ยเวลาและค่าใช้จ่ายมาก
2. ได้ผลช้าไม่ทนต่อความต้องการ
ั
หน่วยงานของรัฐที่ทาสามะโน คือ สานักสถิติแห่งชาติ ซึ่ งทาสามะโนประชากรและ
เคหะซึ่งทาทุก ๆ 10 ปี
ข. การสารวจด้วยตัวอย่าง ( Sample Survey ) หมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเพียง
บางส่ วนของประชากร จึงเป็ นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย การเลือกตัวอย่างจากประชากรทา
่
ได้หลายวิธี แต่ไม่วาจะใช้วธีใด ก็มีหลักเกณฑ์เพื่อที่จะให้ได้ตวแทนที่ดีของประชากร คาว่า
ิ ั
ตัวแทนที่ดี หมายถึง ตัวอย่ างที่ถกเลือกมาควรจะประกอบไปด้ วยลักษณะต่ าง ๆ ของประชากร
ู
ครบถ้ วน เช่น การหารายได้เฉลี่ยของประชากรขนาด 3 ล้านคน และถ้าประชากรมีความ
แตกต่างกันมาก คือ ประกอบด้วยคนที่รายได้สูง รายได้ปานกลาง และรายได้ต่า เลือกตัวอย่าง
มา 5,000 คน ผูที่ตกเป็ นตัวอย่างก็ควรประกอบด้วยคนที่มีรายได้สูง ปานกลาง และต่าใน
้
สัดส่ วนเดียวกัน
ในกรณี ที่ประชากรมีลกษณะที่สนใจคล้ายคลึงกัน เช่นรายได้แตกต่างกันมากนัก ขนาด
ั
ของตัวอย่างไม่จาเป็ นต้องมาก แต่ถาประชากรมีลกษณะที่สนใจศึกษาแตกต่างกัน ควรใช้ขนาด
้ ั
ตัวอย่างใหญ่ เพื่อให้ครบทุกลักษณะของประชากร เมื่อเก็บข้อมูลตัวอย่างแล้ว จะสามารถ
- 4. ประมาณค่าของลักษณะประชากรได้ เช่น ประมาณรายได้เฉลี่ยของคนเชียงใหม่ดวยรายเฉลี่ย ้
ตัวอย่างคนเชียงใหม่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้เป็ นข้อมูลคัวอย่างเท่านั้น จึงจะต้องอ้างอิงถึงประชากรโดยใช้
วิธีการทางสถิติ
การสารวจด้วยตัวอย่าง มีขอดี ข้อเสี ย ดังนี้
้
ข้อดี ข้อเสี ย
1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย 1. เกิดความคลาดเคลื่อนในการสุ่ มตัวอย่าง
2. ได้ผลการสารวจเร็ ว 2. ถ้าขนาดตัวอย่างน้อยเกินไปจะทาให้
3. ข้อมูลจะมีคุณภาพ เนื่องจากปริ มาณงาน ตัวอย่างไม่เป็ นตัวแทนที่ดีของประชากร
น้อย จึงสามารถคุมงานได้ทวถึง
ั่